ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร ผู้ช่วยคณบดี ด้านการสื่อสารองค์กร และหัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ฉายภาพสถานการณ์สินค้าไทยว่า ข้อมูลจากกรมพัฒนาชุมชน พบว่า สินค้าในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป (OTOP) ในปี 2561 มียอดจำหน่ายสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท เมื่อดูข้อมูลเชิงลึกจะพบว่า สินค้าโอทอปที่มีกว่า 20,000 กว่าราย กลับมีสินค้ามากกว่า 40% ของโครงการโอทอปทั้งหมดที่ยังไม่สามารถก้าวสู่ความเป็นมาตรฐานสากลหรือแข่งขันในตลาดโลกได้
อย่างไรก็ตามพบว่าสินค้าโอทอปไทยยังมีจุดอ่อนสำคัญ 3 ด้านหลัก คือ
1. “การตลาด” สินค้าไม่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ สินค้ามีลักษณะใกล้เคียงกัน ไม่มีความแตกต่าง บรรณจุภัณฑ์ หีบห่อไม่สวยงามและทันสมัย
2. “ตั้งราคาไม่สอดคล้องกับต้นทุนของสินค้า” ทำให้ประสบปัญหาทางการเงินจนเกิดภาวะขาดทุน
3. “ขาดช่องทางการจำหน่าย” ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่สามารถเข้าถึงสินค้า และไม่มีการทำการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้จักแบรนด์และสินค้า
ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ประกอบด้วย 5 ปัจจัยดังนี้
1. ความแตกต่าง สะท้อนเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
2. การบอกต่อจากคนใกล้ชิด ทำให้อยากลองซื้อ ลองใช้ ลองชิม
3. คุณภาพดี อร่อย สะอาด
4. ทำแบรนด์ดิ้ง และแพ็คเกจจิ้ง ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
5. ช่องทางจำหน่ายต้องชัดเจน และควรเพิ่มโอกาสการขายมากขึ้น ด้วยช่องทางออนไลน์
และ 5 เหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคไม่ซื้อ “สินค้าไทย”
จากพฤติกรรมการซื้อสินค้าไทย และสินค้าท้องถิ่นแล้ว คราวนี้มองในอีกมุมหนึ่งถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผูบริโภคไม่ซื้อสินค้าไทย และสินค้าท้องถิ่น พบว่า
- 39% ผู้บริโภคไม่วางใจสินค้าจากไม่มีรีวิว-ไม่มีคำแนะนำ
- 42% ประสิทธิภาพของสินค้าไม่ตรงตามความคาดหวัง
- 45% รูปแบบบรรจุภัณฑ์ไม่ดึงดูดความสนใจ
- 57% ช่องทางจำหน่ายไม่ทั่วถึง
- 58% การสื่อสารข้อมูลสินค้าไม่เพียงพอ และไม่เข้าถึงผู้บริโภค
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ อ่านต่อได้ที่เวบนี้นะครับ ผมนำเรื่องราวมาฝากแค่บางส่วนครับ สนใจก็ตามลิ้งค์ไปอ่านกันครับ
otop2016