ประเภทของฟิล์มหด
ร้าน OTOP2016 เราได้ผลิตและนำเข้าฟิล์ม หลักๆแบ่งออกเป็น3ประเภทครับ ดังนี้
- ฟิล์มหด แบบ PVC
- ฟิล์มหด แบบ POF
- ฟิล์มหดPE(SHRINK FILM)แคปซิล พลาสติก หุ้มรัดขอบฝา
โดยชนิดของฟิล์มแต่ละชนิดมีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้ครับ
1.ฟิล์มหดPVC
ฟิล์มหดPVCเป็นฟิล์มชนิดหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และปัจจัยในการเลือกใช้ ฟิล์มหดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ขึ้นกับปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ
1. คุณภาพของฟิล์มหด PVC (ฟิล์มหดคอมปาวด์) ที่ดี อันนี้ ต้องเลือกใช้ ฟิล์มหด เกรดเอ ที่มีความแข็งแรงของรอยปิดผนึก ไม่ปริง่าย ความใส ความบาง และใช้อุณหภูมิในการหดตัวระยะเวลาสั้น ๆ ทำงาานง่าย ซึ่งราคาจะดูสูงหน่อย แต่เมื่อเฉลี่ยต่อชิ้น ต่อเวลาทำงาน แล้ว จะถูกกว่า
2. ต้นทุนที่ถูก ตัวนี้จะเป็นฟิล์มหด ประเภทเนื้อเรซิ่น ที่จะมีความหนากว่า และมี % การหดตัวน้อยกว่า แต่ต้นทุนจะถูกกว่า
3. เครื่องมือที่ใช้ในการทำให้ ฟิล์มหด เกิดการหดตัว ถ้าเลือกใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ น้อกจากจะลดเวลาในการทำงานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย

2.ฟิล์มหดPOF
ฟิล์มหด pof ก็เป็นอีกทางเลือกครับ ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก ใช้งานง่ายมีน้ำหนักเบาไม่เป็นพิษไม่มีกลิ่นและมีอัตราการหดตัว สูงเงางามดีมีความสามารถในการปิดผนึกความร้อนสูงหรือละลายได้

นอกจากนี้ยังสามารถรีไซเคิลได้อีกด้วย และด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและมีลักษณะเฉพาะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการบรรจุอาหาร เครื่องดื่มยาผลิตภัณฑ์ สิ่งทอเครื่องเขียน ผลิตภัณฑ์ AV แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ผลิตภัณฑ์ handcraft และของเล่น
โดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่มีการปกป้องสิ่งแวดล้อม มีหลายประเภท อาทิ
-เป็น แบบระบบ ปิด สูญญากาศ
-ฟิล์มหด pof ลักษณะจะ แบน ความกว้าง: 65-2000 มม
-ฟิล์มพับกลางและปิดผนึกสองด้าน ความกว้าง: 65-750 มม
-กระเป๋า ฟิล์ม POF ขนาดเปิด: ภายใน 120 มม. - 600 มม
ดังที่กล่าวมาข้างต้นฟิล์มความหนา FE ทุกชิ้นของเรามีขนาดไม่เกิน 12 ไมครอนถึง 30 ไมครอน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของลูกค้า
3.ฟิล์มหดPE (SHRINK FILM)
ทีนี้ เรามาทำความรู้จักกันครับ ว่า ฟิล์มหด (SHRINK FILM) คืออะไร เป็นข้อมูลเชิงวิชาการครับ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาครับ
ฟิล์มหด (SHRINK FILM) มีบางท่าน จะเรียกว่า ฟิล์มหด รีดโค้ง ฟิล์มหด รีดตรง ฟิล์มหด ตัดเปิด ตามสภาพของลักษณะชิ้นงาน หรือบางท่านจะเรียกกันง่าย ๆ ว่า ถุงหด พลาสติกหด)

ในการจัดจำหน่ายสินค้าปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการขายส่งหรือขายปลีกก็ตาม จะเห็นว่ารูปแบบของการแพคเกจจิ้งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นภาพลักษณ์ ที่ทำให้เกิดการสะดุดตา ถ้ามีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยงาม ดูสะอาด ดูปลอดภัยต่อการใช้งาน จะส่งผลต่อการตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นการบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ในท้องตลาด จึงมีความนิยมที่จะใช้ ฟิล์มหด (SHRINK FILM) เพื่อหุ้มห่อรัดสินค้า หรือแพคเกจรูปทรงต่าง ๆ และปัจจุบันได้รับความนิยมสูง เนื่องากสามารถใช้กับสินค้าได้หลากหลาย นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น สินค้าอุปโภคหรือบริโภค ตลอดจนสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งชิ้นเล็ก และ ชิ้นใหญ่
ซึ่งความโดดเด่นของ ฟิล์มหด หลัก ๆ จะมีดังนี้
- ปกป้องสินค้าให้ดูปลอดภัย ก่อนถึงมือลูกค้าปลายทาง
- ป้องกันฝุ่น ป้องกันรอยขีดข่วน
- จัดแพค สินค้าที่มีหลายชิ้น หรือจัดเป็นเซ็ท เพื่อช่วยให้ความสะดวกต่อการ ลำเลียงขนส่งและเก็บรักษา และเพื่อส่งเสริมการขาย เช่น ชุดของแถม เป็นต้น
ฟิล์มหด นี้ มาจากศัพท์เทคนิคว่า “SHRINK FILM” ซึ่งเรียกตามคุณสมบัติของฟิล์มนั่นเอง โดย ฟิล์มหด PE จะนิยมใช้ในการหุ้มแพคห่อสินค้าประเภทขวดน้ำดื่ม คุณสมบัติโดดเด่นคือ เหนียว ไม่แตกง่าย แต่มีข้อด้วยคือ มี % การหดตัวน้อย และราคาขึ้นลงตามราคาต้นทุน ที่อิงตลาดน้ำมัน
ฟิล์มหด มีความโดดเด่นในเรื่อง "การหดตัว" เมื่อได้รับแรงลมร้อน โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการหดตัวที่ดีที่สุด จะอยู่ที่ประมาณ 150-170 องศาเซลเซียส
***วัสดุที่ใช้ทำฟิล์มหด ได้แก่ พลาสติกที่โมเลกุลถูกทำให้เรียงตัวกันในระหว่างการผลิตฟิล์ม ชนิดของ พลาสติกที่นิยมใช้ที่สุดคือ พอลิไวนิลคลอไรด์ (POLYVINYL CHLORIDE-PV) และพอลิเอทีลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ (LOW DENSITY POLYETHYLENE-LDPE)
สำหรับวิธีการใช้งาน ฟิล์มหด ทำได้ไม่ยาก ดังนี้ นำ ฟิล์มหด ดังกล่าวมาทำเป็นถุง (หรือที่เราเรียกว่า ฟิล์มหด รีดโค้ง ฟิล์มหด รีดตรง ฟิล์มหดตัดเปิด นั่นเอง ตามสภาพและความเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละแพคเกจ) แล้วสวมครอบสินค้าอย่างหลวมๆ จากนั้นนำไปผ่านลมร้อนซึ่งได้มาจาก เครื่องเป่าลมร้อน (HEAT GUN) หรือ เครื่องอุโมงค์ความร้อนก็ได้ ขึ้นกับขนาดของสินค้า จำนวนของสินค้า ความเร็วที่ต้องการ และต้นทุนของผู้ใช้งาน ซึ่งความร้อนจะเป็นผลให้ฟิล์มหดตัวและรัดแน่นกับสินค้าที่สวมอยู่
แต่การหดรัดของ ฟิล์มหด จะสวยงาม ดูเรียบเนียน และทำงานได้ง่ายหรือยากนั้น ขึ้นกับเกรดของ ฟิล์มหด ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยในการเลือกใช้ ฟิล์มหดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ขึ้นกับปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ
1. คุณภาพของ ฟิล์มหด (ฟิล์มหด คอมปาวด์) ที่ดี อันนี้ ต้องเลือกใช้ ฟิล์มหดเกรดเอ ที่มีความแข็งแรงของรอยปิดผนึก ไม่ปริง่าย ความใส ความบาง และใช้อุณหภูมิในการหดตัวระยะเวลาสั้น ๆ ทำงาานง่าย ซึ่งราคาจะดูสูงหน่อย แต่เมื่อเฉลี่ยต่อชิ้น ต่อเวลาทำงาน แล้ว จะถูกกว่า
2. ต้นทุนที่ถูก ตัวนี้จะเป็นฟิล์มหดประเภทเนื้อเรซิ่น ที่จะมีความหนากว่า และมี % การหดตัวน้อยกว่า แต่ต้นทุนจะถูกกว่า
3. เครื่องมือที่ใช้ในการทำให้ฟิล์มหด เกิดการหดตัว ถ้าเลือกใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ น้อกจากจะลดเวลาในการทำงานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย***
สนใจ โทรสอบถามได้ครับ
- 0816944727
- 0863884976
- 0851622120
ทักไลน์มาคุยกันได้ครับ คลิ้กปุ่มด้านล่างนะคับ

คลิ้ก!!ปุ่มด้านล่างนี้ เพิ่อติดตามการสาธิตต่างๆครับ

คลิ้ก!!ปุ่มด้านล่างนี้ เพื่อติดตามเราทางเพจครับ

แผนที่ร้านเรา คลิ้ก!!ปุ่มด้านล่างนี้ครับ

Tag : ฟิล์มหดนนทบุรี, ฟิล์มหด, ฟิล์มหดpof, ฟิล์มหดสำเพ็ง, ฟิล์มหดPVC, ฉลากฟิล์มหด, เครื่องอบฟิล์มหด, เครื่องซิลปิดปากถุง, ขายส่ง, ขายปลีก, ฟิล์มหดPVC, ฟิล์มหดรีดโค้ง, ถุงหด, พลาสติกหุ้มหด, แคปซิล, ฟิล์มหดหุ้มแพค, พลาสติกแพคโหล, ฟิล์มหุ้มแพค, พีอี, กล่องลูกฟูก, กล่องพัสดุ, กล่องไปรษณีย์ราคาถูก